รับจดเครื่องหมายการค้า

รับยื่นจดเครื่องหมายการค้า

ความสำคัญและความจำเป็นของการจดเครื่องหมายการค้า

หลายๆ คนอาจจะยังไม่สนใจการจดเครื่องหมายการค้ามากนัก เพราะอะไรนะเหรอครับ  ก็เราไม่ได้เป็นเจ้าของกิจการหรือนักธุรกิจ  ที่จะได้สร้างแบรนด์เป็นของตัวเอง

แต่อยากให้ทุกคนไม่ตกเทรนด์ และสามารถเรียนรู้ไปกับการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ว่ามันมีความสำคัญและจำเป็นอย่างไรในตัวผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพราะบางทีคุณๆ ทั้งหลายอาจจะได้เป็นนักธุรกิจ หรือเจ้าของแบรนด์ผลิตภัณฑ์สินค้าต่างๆ ก็ได้ ย่อมไม่เสียหาย ถ้าเราจะเริ่มเรียนรู้เพิ่มสักนิดเผื่อเป็นวิทยาทานแก่ตัวเรานะครับ

ความสำคัญและความจำเป็นของการจดทะเบียนการค้ามีอยู่มากมาย ซึ่งทำให้ผู้ใช้บริการสินค้าสามารถจดจำแยกแยะและไม่สับสนกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ  ถึงแม้จะเป็นประเภทเดียวกันก็ตาม  และสามารถให้ผู้บริโภคเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพตามต้องการได้ รวมทั้งทำให้ผู้บริโภคทราบถึงเจ้าของเครื่องหมายการค้าด้วย และเจ้าของเครื่องหมายจะมีสิทธิ์ใช้เครื่องหมายการค้าแต่เพียงผู้เดียวถ้ามีผู้ละเมิดสิทธิ์ก็สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ แหม! สุดยอดเลยครับ สรุปคือหน้าที่เครื่องหมายการค้าเป็นตัวบ่งชี้ จำแนก แยกแยะ บอกแหล่งที่มา บอกคุณภาพของสินค้าและการประชาสัมพันธ์ครับ

เรามาดูประเภทเครื่องหมายการค้ากันว่ามีกี่ประเภท เครื่องหมายการค้าสามารถแบ่งเป็นได้เป็นสี่ประเภท ประเภทที่หนึ่งคือชื่อ หรือแบรนด์

ประเภทที่สองเครื่องหมายบริการ หรือสัญลักษณ์ ประเภทที่สามต้องเน้นสโลแกนส่วน ประเภทที่สี่จะเป็นตัวบ่งชี้มาในนามบริษัทหรือวิสาหกิจในกลุ่ม

แต่การได้มาซึ่งเครื่องหมายการค้า เราต้องนำเครื่องหมายการค้าที่คิดค้นขึ้นมาไปจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเสียก่อน ถึงจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายโดยสมบูรณ์ แต่ละประเภทต้องมีลักษณะตามที่กฎหมายกำหนด แต่การจดทะเบียนแบ่งเป็นจดในประเทศและต่างประเทศครับ

จากที่กล่าวมาฟังดูแล้วไม่ยุ่งยากเลยครับ แถมเรายังมีความเข้าใจมีความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญและความจำเป็นของการจดทะเบียนการค้าด้วย  ไม่แน่ว่าวันหนึ่ง เราอาจจะเป็นนักธุรกิจมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสู่ผู้ใช้บริการ ย่อมเกิดผลดีอย่างแน่นอน อย่าชะล่าใจเพราะสินค้าอาจจะมีการลอกเลียนแบบได้ สิ่งที่ต้องทำเป็นประการแรกก็คือการจดเครื่องหมายการค้านี้แหละเป็นส่วนป้องกันได้ดีและต้องออกแบบให้ดูแปลกไปด้วย ใช้บริบทให้แตกต่าง การจดเครื่องหมายการค้ายังเพิ่มยอดขายและสามารถขยายสินค้าได้เป็นอย่างดี แต่ก็อย่าลืมศึกษาเครื่องหมายการค้าบางประเภทที่ทางกฎหมายห้ามใช้ด้วยนะครับ ยกตัวอย่างง่ายๆ  ไม่ควรเป็น ตราจักรี  ตราแผ่นดิน เป็นต้น เรียนรู้เพิ่มเติมได้ไม่ยากอย่างที่คิดใช่ไหมครับ

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว สำหรับท่านที่กำลังเริ่มต้นก่อร่างสร้างธุรกิจหรือสินค้าหรือแบรนด์ของตนเอง ก็อย่าลืมนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจดเครื่องหมายการค้า ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก และหากไม่มีความรู้ในเรื่องนี้มาก่อน ก็สามารถหาที่ปรึกษาได้ง่ายๆ โดยเบื้องต้นสามารถศึกษาได้จากกูเกิ้ล แต่หากตอบโจทย์ ได้ไม่เพียงพอ สามารถใช้บริการทนายได้ ซึ่งสามารถเสิร์ชได้จากกูเกิ้ลเช่นเดียวกันครับ

เครื่องหมายการค้า หมายความว่า เครื่องหมายที่ใช้หรือจะใช้เป็นที่หมายหรือเกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงว่าสินค้าที่ใช้เครื่องหมายของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้นแตก ต่างกับสินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 (มาตรา 4)

เครื่องหมายการค้า  จึงหมายถึง ภาพถ่าย ภาพวาด ภาพประดิษฐ์ ตรา ชื่อ คำข้อความ ตัวหนังสือ ตัวเลข ลายมือชื่อ กลุ่มของสี รูปร่างหรือรูปทรงของวัตถุ หรือสิ่งเหล่านี้อย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่างรวมกัน เป็นเครื่องหมายที่ใช้เป็นเครื่องหมายการค้าอยู่ก่อนแล้ว หรือหากไม่ได้ใช้อยู่ก่อนแล้วแต่มีเจตนาที่จะใช้ในอนาคต และเป็นเครื่องหมายที่เกี่ยวข้องกับสินค้า เพื่อแสดงความแตกต่างของสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้าหนึ่งกับสินค้าภายใต้ เครื่องหมายการค้าอื่น

เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนได้  (มาตรา 6)

ต้องมีลักษณะตามที่พระราชบัญญัติเครื่อง หมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 6 บัญญัติไว้ว่า “เครื่องหมายการค้าอันพึงรับจดทะเบียนได้ ต้องประกอบด้วยลักษณะ ดังต่อไปนี้

(1.)เป็นเครื่องหมายการค้าที่มีลักษณะบ่งเฉพาะ  ได้แก่ เครื่องหมายการค้าอันมีลักษณะที่ทำให้ประชาชนหรือผู้ใช้สินค้านั้นทราบและเข้าใจได้ว่า สินค้าที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้นแตกต่างไปจากสินค้าอื่น

(2.)เป็นเครื่องหมายการค้าที่ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัตินี้ ได้แก่ ตราต่างๆ ที่มีรูปหรือคำอยู่ในตรา และเป็นตราที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าแผ่นดิน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และส่วนราชการต่างๆ ไม่ใช่ตราของรัฐวิสาหกิจและเอกสาร  และ

(3.)เป็นเครื่องหมายการค้าที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าที่บุคคลอื่นได้จดทะเบียนไว้แล้ว

หลักเกณฑ์การพิจารณาความเหมือนคล้ายของเครื่องหมายการค้า ตามมาตรา 13  บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับมาตรา 27  ในกรณีเครื่องหมายการค้าที่ขอจดทะเบียนนั้น  นายทะเบียนเห็นว่า

(1.)เป็นเครื่องหมายการค้าที่เหมือนกับหรือเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว  หรือ

(2.)เป็นเครื่องหมายการค้าที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนไว้แล้ว จนอาจทำให้สาธารณะชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของสินค้า หรือแหล่งกำเนิดของสินค้า

ถ้าเป็นการขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับสินค้าจำพวกเดียวกันหรือต่างจำพวกกันที่นายทะเบียนเห็นว่ามีลักษณะอย่างเดียวกัน ห้ามมิให้นายทะเบียนรับจดทะเบียน

เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนได้ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

(1.) เครื่องหมายการค้า

(2.) เครื่องหมายบริการ

(3.) เครื่องหมายรับรอง

(4.) เครื่องหมายร่วม

สิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้า

เมื่อได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้ว  เจ้าของเครื่องหมายการค้าย่อมมีสิทธิตามกฎหมายทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิแต่เพียงผู้เดียวที่จะใช้เครื่องหมายการค้านั้น สิทธิในการอนุญาตให้บุคคลอื่นใช้เครื่องหมายการค้า สิทธิในการโอนสิทธิในเครื่องหมายการค้า รวมทั้งสิทธิในการฟ้องร้องคดีเพื่อป้องกันการละเมิดและเรียกค่าสินไหมทดแทน (มาตรา 44)

กฎหมายเริ่มให้ความคุ้มครองเจ้าของเครื่องหมายการค้าเมื่อไร

เครื่องหมายการค้ากฎหมายจะให้ความคุ้มเริ่มตั้งแต่วันที่ใช้เครื่องหมายการค้านั้น และเมื่อจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าแล้วก็จะทำให้สิทธิในเครื่องหมายการค้านั้นสมบูรณ์ครบถ้วน

การฟ้องคดี

เจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องคดีเพื่อห้ามมิให้ทำละเมิดในอนาคต หรือ เรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดสิทธิของตนได้

มาตรา  46 วรรคแรก บัญญัติว่า“บุคคลใดจะฟ้องคดี เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน หรือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดสิทธิดังกล่าวไม่ได้ บทบัญญัติมาตรานี้ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ไม่ได้จดทะเบียน ในอันที่จะฟ้องคดีบุคคลอื่น ซึ่งเอาสินค้าของตน ไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของเจ้าของเครื่องหมายการค้านั้น”

อายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า

เครื่องหมายการค้าที่ได้จดทะเบียนแล้วมีอายุการคุ้มครอง 10 ปี นับแต่วันจดทะเบียน  เมื่อครบกำหนดสามารถที่จะต่ออายุได้เป็นคราว ๆ คราวละ 10 ปี (มาตรา 53 วรรคหนึ่ง)

อายุการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสามารถต่อได้อย่างไม่จำกัด และหากเจ้าของเครื่องหมายการค้าได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการในการต่ออายุถูกต้องครบถ้วนแล้ว นายทะเบียนเครื่องหมายการค้าจะปฏิเสธการต่ออายุไม่ได้ (มาตรา 54 วรรคหนึ่ง)

บทลงโทษของผู้ปลอมเครื่องหมายการค้า

พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 108 บัญญัติว่า “บุคคลใดปลอมเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลใดที่ได้จดทะเบียนแล้วใน ราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสี่ปี หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 273 บัญญัติว่า “ผู้ใดปลอมเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นซึ่งจดทะเบียนไว้แล้ว ไม่ว่าจะจดทะเบียนภายในหรือนอกราชอาณาจักร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

บทลงโทษของผู้เลียนเครื่องหมายการค้า

พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 109 บัญญัติว่า “บุคคลใดเลียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นที่ได้จดทะเบียนแล้วใน ราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 274 บัญญัติว่า “ผู้ใดเลียนเครื่องหมายการค้าของผู้อื่นซึ่งได้จดทะเบียนไว้แล้ว ไม่ว่าจะจดทะเบียนภายในหรือนอกราชอาณาจักร เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของผู้อื่น  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

บทลงโทษของผู้นำเข้าหรือจำหน่ายสินค้าที่ปลอมหรือเครื่องหมายการค้า

พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้า พ.ศ.2534 มาตรา 110  บัญญัติว่า

“บุคคลใดนำเข้ามาในราชอาณาจักร จำหน่าย เสนอจำหน่าย หรือมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรับรอง  หรือเครื่องหมายร่วมปลอมตามมาตรา 108 หรือที่เลียนเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายรับรอง หรือเครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นตามมาตรา 109

(2)ให้บริการหรือเสนอให้บริการที่ใช้เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรองหรือเครื่องหมายร่วม

ปลอมตามมาตรา 108 หรือที่เลียนเครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรอง เครื่องหมายร่วมของบุคคลอื่นตามมาตรา 109

ต้องระวางโทษดังที่บัญญัติไว้ในมาตรานั้นๆ”

บทลงโทษของผู้ที่เอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์ หรือข้อความในการประกอบการค้าของผู้อื่นมาใช้เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือการค้าของผู้อื่น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 272 (1)  บัญญัติว่า

(1) เอาชื่อ รูป รอยประดิษฐ์หรือข้อความใด ๆ ในการประกอบ การค้าของผู้อื่นมาใช้ หรือทำให้ปรากฏที่สินค้า หีบ ห่อ วัตถุที่ใช้ หุ้มห่อ แจ้งความรายการแสดงราคา จดหมายเกี่ยวกับการค้าหรือ สิ่งอื่นทำนองเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าหรือ การค้าของผู้อื่นนั้น

ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 1,307 ผู้เข้าชมเว็บไซต์,  2 views today