ผู้มีส่วนได้เสียเท่านั้น จึงมีสิทธิฟ้องเพิกถอนสิทธิบัตรได้

สรุปข้อเท็จจริงสำคัญของคำพิพากษาฎีกาที่ 67/2566 ได้ดังนี้

1.ตาม พ.ร.บ. สิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 วรรคสอง เป็นกรณีที่กฎหมายให้สิทธิบุคคลใดกล่าวอ้างความไม่สมบูรณ์ของอนุสิทธิบัตรได้ ซึ่งอาจรวมถึงการยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลด้วย

2.การฟ้องคดีขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตร กฎหมายให้สิทธิเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการเท่านั้น

3.ผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิฟ้องคดีขอเพิกถอนอนุสิทธิบัตรได้ต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบจากการมีอยู่ของอนุสิทธิบัตรโดยตรง เช่น บุคคลที่เสื่อมเสียสิทธิในการแสวงหาประโยชน์จากการที่มีผู้อื่นเป็นผู้ทรงอนุสิทธิบัตร

4.สิทธิของผู้ทรงอนุสิทธิบัตรคือการผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขาย หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ตามอนุสิทธิบัตร

5.บุคคลที่เสื่อมเสียสิทธิและถือเป็นผู้มีส่วนได้เสีย คือบุคคลที่จะกระทำการดังกล่าวในข้อ 4

6.โจทก์ซึ่งเป็นส่วนราชการมีหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา การประชุม การสัมมนา และการออกกฎกระทรวงและประกาศ แต่ไม่ปรากฏว่าเป็นผู้ผลิต ใช้ ขาย ฯลฯ ผลิตภัณฑ์ตามอนุสิทธิบัตรพิพาทโดยตรง จึงไม่ถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะฟ้องขอเพิกถอนอนุสิทธิบัตรได้

คำพิพากษาฎีกาที่ 67/2566

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรเลขที่ 7466 และ 11340

จำเลยให้การขอยกฟ้องโจทก์

ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรเลขที่ 7466 และ 11340 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษพิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า โจทก์มีอำนาจหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์หรือคุณสมบัติของอุปกรณ์และตรวจสอบติดตามว่ารถโดยสารหรือรถบรรทุกที่อยู่ในหลักเกณฑ์นั้นติดตั้งอุปกรณ์ตามที่กำหนดหรือไม่ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก กฎหมายว่าด้วยรถยนต์ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง จำเลยเป็นผู้ทรงอนุสิทธิบัตรเลขที่ 7466 สำหรับการประดิษฐ์ “เครื่องอ่านข้อมูลจากบัตรสมาร์ตการ์ดที่สามารถระบุตำแหน่งของเครื่องอ่านและเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเซิร์ฟเวอร์ด้วยระบบจีพีอาร์เอสได้” และอนุสิทธิบัตรเลขที่ 11340 สำหรับการประดิษฐ์เพิ่มเติมจากการประดิษฐ์กรณีแรกโดยเพิ่มกล้องและหน่วยส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือหรือสัญญาณที่ต้องการแจ้งให้ทราบไปยังส่วนที่มีการเชื่อมต่ออยู่

คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียที่มีสิทธิฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรพิพาทหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 นว วรรคสอง บัญญัติว่า “ความไม่สมบูรณ์ตามวรรคหนึ่ง บุคคลใดจะกล่าวอ้างขึ้นก็ได้ หรือบุคคลผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรนั้นก็ได้” จึงเป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติให้สิทธิบุคคลใดจะกล่าวอ้างความไม่สมบูรณ์ของอนุสิทธิบัตรก็ได้ ซึ่งอาจรวมถึงการยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้คดีในศาลด้วย อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่จะถึงขนาดเป็นการใช้สิทธิฟ้องคดีขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรนั้น กฎหมายบัญญัติให้สิทธิเฉพาะผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการเท่านั้น ดังนั้นผู้มีส่วนได้เสียที่จะมีสิทธิฟ้องคดีเช่นว่านี้ได้ย่อมต้องไม่ใช่บุคคลใดก็ได้ แต่ต้องเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องและได้รับผลกระทบจากการมีอยู่ของอนุสิทธิบัตรโดยตรง เช่น การเสื่อมเสียสิทธิในการแสวงหาประโยชน์อันเนื่องมาจากการที่มีบุคคลอื่นเป็นผู้ทรงอนุสิทธิบัตรนั้น เมื่อพิจารณาในด้านสิทธิของผู้ทรงอนุสิทธิบัตร พระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. 2522 มาตรา 65 ทศ ประกอบมาตรา 36 วรรคหนึ่ง (1) บัญญัติให้สิทธิแก่ผู้ทรงอนุสิทธิบัตรเท่านั้นในการผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขายหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ตามอนุสิทธิบัตร เมื่อบทกฎหมายดังกล่าวให้สิทธิแก่ผู้ทรงอนุสิทธิบัตรแต่เพียงผู้เดียวในการแสวงหาประโยชน์จากอนุสิทธิบัตรโดยจำกัดเพียงการกระทำดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 65 ทศ ประกอบมาตรา 36 วรรคหนึ่ง (1) บุคคลอื่นที่ต้องเสื่อมเสียสิทธิในที่นี้ก็คือ บุคคลที่จะกระทำการต่าง ๆ ดังกล่าวนั่นเอง กรณีหาใช่การตีความอย่างกว้างหรืออย่างแคบดังที่โจทก์ฎีกาไม่ เมื่อโจทก์เป็นส่วนราชการมีภารกิจตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม พ.ศ. 2552 ข้อ 2 ซึ่งแม้ในการปฏิบัติตามภารกิจและอำนาจหน้าที่ดังกล่าวโจทก์จะมีการดำเนินงานเกี่ยวกับการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่โจทก์กล่าวอ้างมาก็ตาม แต่การดำเนินงานของโจทก์ตามภารกิจและอำนาจหน้าที่นั้นเป็นเพียงการดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษาหาแนวทางปรับปรุงการทำงาน การจัดประชุม การจัดสัมมนา และการออกกฎกระทรวงและประกาศ โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเลยว่าโจทก์เป็นผู้ผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขายหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ตามอนุสิทธิบัตรพิพาทโดยตรง อันจะมีผลกระทบจากการมีอยู่ของอนุสิทธิบัตรพิพาทที่จะถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียและมีสิทธิฟ้องต่อศาลขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรพิพาทตามมาตรา 65 นว วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษยกฟ้องโจทก์มานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลง

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

  • กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

 24,429 ผู้เข้าชมเว็บไซต์,  405 views today