ผู้มีส่วนได้เสียเท่านั้น จึงมีสิทธิฟ้องเพิกถอนอนุสิทธิบัตรได้

#เรื่องเล่าจากคดีแดง ตอน ผู้มีส่วนได้เสียเท่านั้น จึงมีสิทธิฟ้องเพิกถอนอนุสิทธิบัตรได้

เรื่องมีอยู่ว่า มีลุงสมชายทำงานอยู่ที่กรมการขนส่งทางบก เป็นข้าราชการใหญ่โตระดับหัวหน้ากอง วันหนึ่งลุงสมชายไปประชุมมา แล้วได้ยินเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจมาก

มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้จดทะเบียนอนุสิทธิบัตรสองฉบับเกี่ยวกับเครื่องอ่านข้อมูลบัตรสมาร์ทการ์ดที่ใช้ในรถโดยสารและรถบรรทุก ลุงสมชายคิดว่าการที่บริษัทนี้ได้อนุสิทธิบัตรไปอาจจะทำให้เกิดปัญหาในอนาคต เพราะบริษัทนี้จะผูกขาดการผลิตและขายอุปกรณ์นี้แต่เพียงผู้เดียว

ลุงสมชายจึงปรึกษากับเพื่อนร่วมงานชื่อป้าสมศรี ป้าสมศรีแนะนำว่า “ถ้าคุณสมชายคิดว่าอนุสิทธิบัตรนี้ไม่ถูกต้อง ก็ลองฟ้องศาลขอให้เพิกถอนดูสิคะ”

ลุงสมชายเห็นด้วย จึงยื่นฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ขอให้เพิกถอนอนุสิทธิบัตรทั้งสองฉบับของบริษัทที่จดอนุสิทธิบัตรไว้ ทางบริษัทไม่ยอมง่ายๆ พวกเขาให้ทนายยื่นคำให้การขอให้ศาลยกฟ้องลุงสมชาย โดยอ้างว่าลุงสมชายไม่มีสิทธิฟ้องเพราะไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย

ศาลชั้นต้นตัดสินให้ลุงสมชายชนะ สั่งเพิกถอนอนุสิทธิบัตรทั้งสองฉบับ แต่บริษัทไม่ยอมแพ้ พวกเขาอุทธรณ์ต่อ

แต่ศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสินของศาลชั้นต้น บอกว่าลุงสมชายไม่มีสิทธิฟ้องจริงๆ เพราะไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสีย ให้ยกฟ้องลุงสมชาย

ลุงสมชายรู้สึกผิดหวังมาก แต่ก็ไม่ยอมแพ้ เขาขออนุญาตศาลฎีกาเพื่อฎีกาต่อ ศาลฎีกาอนุญาตให้ฎีกาได้

ศาลฎีกาพิจารณาคดีอย่างละเอียด แล้วตัดสินว่า ลุงสมชายไม่มีสิทธิฟ้องจริงๆ เพราะไม่ใช่ผู้มีส่วนได้เสียตามกฎหมาย

ศาลฎีกาอธิบายว่า ตามกฎหมายสิทธิบัตร มาตรา 65 นว วรรคสอง บอกว่าใครๆ ก็สามารถกล่าวอ้างว่าอนุสิทธิบัตรไม่สมบูรณ์ได้ แต่ถ้าจะฟ้องศาลขอให้เพิกถอน ต้องเป็น “ผู้มีส่วนได้เสีย” หรือ “อัยการ” เท่านั้น

ศาลฎีกาบอกว่า “ผู้มีส่วนได้เสีย” ในที่นี้ไม่ใช่ใครก็ได้ แต่ต้องเป็นคนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการมีอนุสิทธิบัตรนี้ เช่น คนที่ต้องการผลิต ใช้ ขาย หรือนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวกับอนุสิทธิบัตรนี้

แม้ลุงสมชายจะทำงานที่กรมการขนส่งทางบก มีหน้าที่เกี่ยวกับการกำหนดกฎเกณฑ์และตรวจสอบรถโดยสารและรถบรรทุก แต่ลุงสมชายไม่ได้เป็นคนผลิต ใช้ ขาย หรือนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวกับอนุสิทธิบัตรนี้โดยตรง

งานที่คุณลุงสมชายทำ เช่น จัดประชุม จัดสัมมนา ออกกฎกระทรวง ไม่ได้ทำให้ลุงสมชายเป็น “ผู้มีส่วนได้เสีย” ตามความหมายของกฎหมายนี้ ดังนั้น ศาลฎีกาจึงตัดสินยืนตามศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องลุงสมชาย

ลุงสมชายรู้สึกผิดหวังมาก แต่ก็ต้องยอมรับคำตัดสินของศาล เขากลับมาเล่าให้ป้าสมศรีฟัง ป้าสมศรีปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรค่ะคุณสมชาย อย่างน้อยเราก็ได้พยายามแล้ว ต่อไปเราคงต้องหาวิธีอื่นที่จะทำให้ระบบขนส่งของเราดีขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งอนุสิทธิบัตรพวกนี้”

และลุงสมชายพยักหน้า “ครับคุณสมศรี ผมจะพยายามต่อไปครับ เพื่อประโยชน์ของประชาชน”

นี่แหละครับ เรื่องราวของลุงสมชายที่พยายามต่อสู้เพื่อสิ่งที่เขาเชื่อว่าถูกต้อง แม้จะไม่สำเร็จ แต่ก็เป็นบทเรียนสำคัญเกี่ยวกับกฎหมายสิทธิบัตรและการฟ้องร้องในศาลกันต่อไปครับ

 17,037 ผู้เข้าชมเว็บไซต์,  178 views today