เมื่อเจ้าหนี้กลายเป็นจำเลย : บทเรียนจากการฟ้องเท็จ

#เรื่องเล่าจากคดีแดง ตอน เมื่อเพื่อนกลายเป็นลูกหนี้ : บทเรียนจากการเล่นแชร์และการกู้ยืมเงินนอกระบบ

นี่คือเรื่องราวของคุณสมศรีและคุณสมชาย สองเพื่อนที่รู้จักกันมานาน 2 ปี พวกเขาชอบเล่นแชร์ด้วยกัน โดยต่างคนต่างก็เป็นเจ้ามือวงแชร์ คุณสมศรีเล่นแชร์กับคุณสมชาย 2 วง ส่วนคุณสมชายเล่นกับคุณสมศรี 4 วง

วันหนึ่ง คุณสมชายเกิดเดือดร้อนเรื่องเงิน เขาจึงขอยืมเงินคุณสมศรี 100,000 บาท และยืมทองคำไป 19 บาท มูลค่า 300,000 บาท นอกจากนี้ยังมีหนี้ค่าแชร์ที่ค้างกันอยู่อีก

เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2562 คุณสมศรีจึงชวนคุณสมชายมาคุยและตกลงรวมหนี้ทั้งหมดเป็นสัญญากู้ยืมเงินฉบับเดียว รวมเป็นเงิน 830,000 บาท โดยไม่มีกำหนดเวลาชำระและไม่มีดอกเบี้ย

หลังจากนั้น คุณสมชายได้นำทองคำไปจำนำและโอนเงินคืนคุณสมศรี 167,383 บาท ต่อมาคุณสมศรีให้คุณสมชายไถ่ถอนทองคำ โดยมอบเงินให้คุณสมชายเป็นค่าไถ่ถอนและดอกเบี้ยรวม 134,617 บาท

เวลาผ่านไป คุณสมชายไม่ยอมชำระหนี้ คุณสมศรีจึงส่งทนายความมาทวงถาม แต่คุณสมชายก็ยังเพิกเฉย ชำระเงินมาแค่ 5,500 บาทเท่านั้น คุณสมศรีจึงตัดสินใจฟ้องร้องคุณสมชายต่อศาล

ในชั้นศาล คุณสมชายพยายามอ้างว่าสัญญากู้ยืมเงินไม่สมบูรณ์ แต่ศาลไม่เห็นด้วย เพราะถึงแม้หนี้เงินกู้เดิมจะไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร แต่คุณสมชายก็ยอมรับว่าเป็นหนี้จริง ส่วนหนี้ยืมทองคำก็มีหลักฐานการส่งมอบและจำนำ ส่วนหนี้ค่าแชร์นั้น คุณสมชายไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นโมฆะตามกฎหมาย

ท้ายที่สุด ศาลตัดสินให้คุณสมชายต้องชำระเงิน 688,227 บาท พร้อมดอกเบี้ยให้แก่คุณสมศรี โดยคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีจนถึงวันที่ 10 เมษายน 2564 และหลังจากนั้นให้คิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 5 ต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ

เรื่องราวนี้สอนให้เราเห็นว่า การกู้ยืมเงินควรมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร และการเล่นแชร์ก็อาจนำมาซึ่งปัญหาหนี้สินได้ หากไม่ระมัดระวัง การตกลงรวมหนี้เป็นสัญญาใหม่อาจช่วยให้เจ้าหนี้มีหลักฐานที่ชัดเจนขึ้น แต่ลูกหนี้ก็ควรพิจารณาให้รอบคอบก่อนลงนามในสัญญาใดๆ นะครับ

 18,431 ผู้เข้าชมเว็บไซต์,  47 views today