รับยื่นจดสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร
ความสำคัญและความจำเป็นของการจดสิทธิบัตร
หากเอ่ยถึง สิทธิบัตร หลายท่านอาจจะพอรู้จักกันบ้าง แต่พอจะทราบกันบ้างไหมว่า มันคืออะไร สำคัญอย่างไร แล้วจำเป็นอย่างไร เรามาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่า
สิทธิบัตร (Patent) คือ หนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์ หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 สิทธิบัตรจึงเป็นทรัพย์สินทางปัญญาประเภทหนึ่งที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์คิดค้น
การออกแบบผลิตภัณฑ์ ได้แก่ การประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือเครื่องใช้หรือสิ่งของที่อำนวยความสะดวกในชีวิต ประจำวัน เช่น การประดิษฐ์ รถยนต์,ทีวี,ตู้เย็น,เครื่องทำน้ำอุ่น,คอมพิวเตอร์,โทรศัพท์ หรือการออกแบบรูปร่างรูปทรงขวดต่างๆ หรือการออกแบบลวดลายบนภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ,ถ้วยกาแฟ,ขวดน้ำอัดลม เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสินค้านั้นและไม่ให้เหมือนกับสินค้าของคนอื่น เป็นต้น
สิทธิบัตร (Patent) จึงมีลักษณะพิเศษที่กฎหมายให้ความคุ้มครองเจ้าของสิทธิบัตรมีสิทธิแต่เพียง ผู้เดียวในการผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขายหรือนำเข้าในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตรนั้น ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 36,63
สิทธิบัตร (Patent) ตามกฎหมายไทยมี 3 ประเภท คือ
(1.) สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (Invention Patent) มีความหมายตามนิยามคำศัพท์ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 3 การประดิษฐ์ หมายความว่า การคิดค้นหรือคิดทำขึ้น อันเป็นผลให้ได้มาซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธีใดขึ้นใหม่ หรือการกระทำใดๆ ที่ทำให้ดีขึ้นซึ่งผลิตภัณฑ์หรือกรรมวิธี ส่วนกรรมวิธี หมายความว่า วิธีการ กระบวนการ หรือกรรมวิธีในการผลิตหรือการเก็บรักษาให้คงสภาพหรือให้มีคุณภาพดีขึ้นหรือ การปรับสภาพให้ดีขึ้นซึ่งผลิตภัณฑ์ และรวมถึงการใช้กรรมวิธีนั้นๆ ด้วย
(2.) สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design Patent) มีความหมายตามนิยามคำศัพท์ตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 3 แบบผลิตภัณฑ์ หมายความว่า รูปร่างของผลิตภัณฑ์ หรือองค์ประกอบของลวดลายหรือสีของผลิตภัณฑ์ อันมีลักษณะพิเศษสำหรับผลิตภัณฑ์ซึ่งสามารถใช้เป็นแบบสำหรับ ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรวมทั้งหัตถกรรมได้
(3.) อนุสิทธิบัตร (Petty Patent) คือ เป็นสิทธิบัตรประเภทหนึ่ง อนุสิทธิบัตร เป็นหนังสือสำคัญที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์คิดค้นเช่นเดียวกับสิทธิ บัตร เป็นการประดิษฐ์แบบง่ายไม่จำเป็นต้องมีขั้นตอนการประดิษฐ์ที่ยุ่งยากมากนัก อย่างนี้ก็สามารถนำสิ่งประดิษฐ์นั้นไปจดอนุสิทธิบัตรได้หากเข้าเงื่อนไขตาม ที่กฎหมายบัญญัติไว้
ดังนั้น ด้วยความหมายถึงสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรนี้ หากเราเป็นผู้ผลิตอะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นสิ่งของเครื่องใช้หรือแม้แต่ความคิด ที่เราคิดว่าเราสามารถขายเพื่อสร้างรายได้ หรือเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเราและคนอื่นๆ ได้
หากเราไม่ได้ไปทำการจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร แต่มีคนลอกเลียนแบบการออกแบบของเรา หรือความคิดของเรา แล้วนำไปจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรก่อนเรา จะส่งผลให้เราไม่สามารถผลิต หรือจำหน่ายสินค้าหรือความคิดนั้นๆ ได้
ดังที่เรามักจะเห็นอยู่บ่อยๆ ตามข่าว ที่ได้มีคนไปต่อยอดข้าวหอมมะลิของไทย แล้วนำไปจดสิทธิบัตร จึงทำให้คนไทยได้พัฒนาข้าวหอมมะลิให้ดีขึ้น และนำไปจดสิทธิบัตรบ้าง ซึ่งหากจะกล่าวว่าเป็นการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาก็คงไม่แปลก ซึ่งนั่นคงจะส่งผลเสียอย่างมาก
หากเราได้มีการผลิตสินค้าที่มีเราคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนแรกในการผลิต แล้วขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า โกยกำไรมหาศาล แต่เราดันไม่ได้ไปจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร เพื่อยืนยันว่าเราเป็นผู้คิดค้นคนแรก แต่อยู่ดีๆ ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ดันมีคนมาลอกเลียนแบบ และต่อยอดให้ดีกว่าเรา แล้วนำไปจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร อย่างนี้แล้ว คนที่ต้องเลิกผลิตคงต้องเป็นเรา และคนที่เขานำของเราไปจดสิทธิบัตรยังสามารถฟ้องร้องเราได้อีกต่างหาก แบบนี้ เสียยิ่งกว่าเสีย
คงจะดีกว่าหากเราได้คิดค้น หรือประดิษฐ์อะไรก็ตามเป็นคนแรก ไม่มีใครเหมือน และไม่เหมือนใคร และที่สำคัญสามารถสร้างมูลค่าได้ เราจึงควรไปจดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรไว้ เพราะเมื่อสินค้าของเราได้แพร่หลายออกไป แน่นอนว่าคงจะต้องเกิดการลอกเลียนแบบ และต้องมีคนพัฒนาต่อยอดให้ดีกว่าเราอย่างแน่นอน แบบนั้นแล้ว เราคงจะสามารถเอาผิด ฟ้องร้อง เรียกร้องค่าเสียหายได้หากเราได้จดสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตรในสินค้าของเรา
ตัวอย่างสิทธิบัตร
การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้ (มาตรา 5)
การประดิษฐ์ที่ขอรับสิทธิบัตรได้ ต้องเป็นการประดิษฐ์ที่มีลักษณะ 3 ประการ ดังนี้
(1.)เป็นการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ ได้แก่ การประดิษฐ์ที่ไม่เป็นงานที่เปิดเผยอยู่แล้ว
(2.)เป็นการประดิษฐ์ที่มีขั้นตอนการประดิษฐ์สูงขึ้น ได้แก่ เป็นการประดิษฐ์ที่ไม่เป็นที่ประจักษ์โดยง่ายแก่บุคคลที่มีความชำนาญในระดับสามัญสำหรับงานประเภทนั้น
(3.)สามารถประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมได้ ได้แก่ การประดิษฐ์ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการผลิตทางอุตสาหกรรม รวมทั้งหัตถกรรม เกษตรกรรมและพาณิชย์กรรม
การประดิษฐ์ที่ขอรับอนุสิทธิบัตรได้
ในการประดิษฐ์ที่ขอรับอนุสิทธิบัตรได้ ไม่จำเป็นต้องขั้นประดิษฐ์สูงขึ้นเหมือนกับสิทธิบัตร เพียงแต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ และสามารถประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมได้ ก็เพียงพอแล้ว
กฎหมายเริ่มให้ความคุ้มครองเจ้าของสิทธิบัตรเมื่อใด
กฎหมายสิทธิบัตรให้ความคุ้มครองผู้ทรงสิทธิบัตร ณ วันที่มีการออกสิทธิบัตร (ไม่ใช่วันที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาออกสิทธิบัตรให้) ดังนั้น การกระทำละเมิดก่อนวันออกสิทธิบัตรจึงไม่ถือว่าเป็นการกระทำผิดละเมิดสิทธิบัตร เพราะผู้ทรงสิทธิบัตรยังไม่มีสิทธิในเวลานั้น เว้นแต่ว่าผู้กระทำไม่สุจริตรู้อยู่แล้วว่าการประดิษฐ์นั้นได้มีการขอรับสิทธิบัตรไว้แล้ว (มาตรา 35 ทวิ)
กรณีมีผู้ทำละเมิดสิทธิบัตรก่อนวันออกสิทธิบัตร ผู้ทรงสิทธิบัตรมีสิทธิเรียกค่าเสียหายย้อนหลังได้ไปถึงวันที่ประกาศโฆษณา เพราะถือว่าเป็นวันที่สาธารณชนรับรู้ได้ว่ามีการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรแล้ว
แต่ทั้งนี้ ผู้ทรงสิทธิบัตรจะฟ้องผู้ทำละเมิดสิทธิบัตรได้ก็ต่อเมื่อมีการออกสิทธิบัตรแล้ว และหลังจากวันรับสิทธิบัตรแล้ว ผู้ทรงสิทธิบัตรมีสิทธิแจ้งให้ผู้กระทำละเมิดสิทธิบัตรให้ระงับการผลิตหรือจำหน่ายอันเป็นการละเมิดสิทธิบัตรได้
อายุการคุ้มครองสิทธิบัตรหรืออนุสิทธิบัตร
(1.)สิทธิบัตรการประดิษฐ์ มีอายุการคุ้มครอง 20 ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตรในราชอาณาจักร (ไม่ใช่วันที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาออกสิทธิบัตรให้)
(2.)สิทธิบัตรการออกแบบผลิตภัณฑ์ มีอายุการคุ้มครอง 10 ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตรในราชอาณาจักร
(3.)อนุสิทธิบัตร มีอายุการคุ้มครอง 6 ปี นับแต่วันขอรับสิทธิบัตรในราชอาณาจักร และต่ออายุได้ 2 คราว คราวละ 2 ปี
สิทธิของเจ้าของสิทธิบัตร การประดิษฐ์ (มาตรา 36)
ผู้ทรงสิทธิบัตรเท่านั้นมีสิทธิดังต่อไปนี้
(1.) ในกรณีสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ สิทธิในการผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขายหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตร
(2.) ในกรณีสิทธิบัตรกรรมวิธี สิทธิในการใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตร ผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขายหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตร
สิทธิของเจ้าของสิทธิบัตร การออกแบบผลิตภัณฑ์ (มาตรา 63)
ผู้ทรงสิทธิบัตรเท่านั้นมีสิทธิใช้แบบผลิตภัณฑ์กับผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตร หรือขาย หรือมีไว้เพื่อขาย หรือเสนอขาย หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้แบบผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เว้นแต่การใช้แบบผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ในการศึกษาหรือวิจัย
บทลงโทษผู้กระทำละเมิดสิทธิบัตร
มาตรา 22 ห้ามมิให้บุคคลใดซึ่งรู้อยู่ว่าการประดิษฐ์นั้นได้มีผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรไว้แล้วเปิดเผยรายละเอียดการประดิษฐ์ไม่ว่าโดยวิธีใด ๆ หรือกระทำโดยประการอื่นที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ขอรับสิทธิบัตรก่อนมีการประกาศโฆษณาตามมาตรา 28 เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ขอรับสิทธิบัตร
มาตรา 82 บุคคลใดฝ่าฝืนมาตรา 22 หรือมาตรา 65 ประกอบด้วยมาตรา 22 หรือมาตรา 65 ทศ ประกอบด้วยมาตรา 22 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 36 ผู้ทรงสิทธิบัตรเท่านั้นมีสิทธิดังต่อไปนี้
(1.) ในกรณีสิทธิบัตรผลิตภัณฑ์ สิทธิในการผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขายหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตร
(2.) ในกรณีสิทธิบัตรกรรมวิธี สิทธิในการใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตร ผลิต ใช้ ขาย มีไว้เพื่อขาย เสนอขายหรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยใช้กรรมวิธีตามสิทธิบัตร
มาตรา 63 ผู้ทรงสิทธิบัตรเท่านั้นมีสิทธิใช้แบบผลิตภัณฑ์กับผลิตภัณฑ์ตามสิทธิบัตร หรือขาย หรือมีไว้เพื่อขาย หรือเสนอขาย หรือนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้แบบผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เว้นแต่การใช้แบบผลิตภัณฑ์เพื่อประโยชน์ในการศึกษาหรือวิจัย
มาตรา 85 บุคคลใดกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาตรา 36 หรือมาตรา 63 โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ทรงสิทธิบัตร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
บริษัท ทนายไซเบอร์ จำกัด ให้บริการรับยื่นจดทะเบียนสิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร
- สิทธิบัตร/อนุสิทธิบัตร
1.1. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (ประเภทวิศวกรรม) ได้แก่
– กลไก
– เทคนิค
– โครงสร้าง และกระบวนการ
1.2. สิทธิบัตรการประดิษฐ์ (ประเภทเคมี) ได้แก่ ประเภทสูตรต่างๆ
– เครื่องสำอาง
– สมุนไพร
– อาหาร
– ยา
– ปุ๋ย
2.สิทธิบัตร การออกแบบผลิตภัณฑ์ (ลักษณะภายนอกของผลิตภัณฑ์)
– รูปร่าง และรูปทรง (ไม่เกี่ยวกับเทคนิค)
10,104 ผู้เข้าชมเว็บไซต์, 4 views today